6 เหตุผลที่แฟนปีศาจแดงควรศรัทธาในตัวมอยส์ต่อไป

การเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว แถมการจะทำผลงานให้ได้แบบเขาก็แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย สิ่งที่ยอดกุนซือชาวสก็อตได้ทำเอาไว้ก็คือการพาสโมสรคว้าถ้วยแชมป์ 38 ถ้วย จากการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอด 26 ปีของเขา
และตอนนี้ชายคนแรกที่เข้ามาสวมรองเท้าไซส์ยักษ์ต่อจากเซอร์ อเล็กซ์ อย่าง เดวิด มอยส์ ก็เริ่มโดนความกดดันเล่นงานเข้าให้แล้ว หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ไม่ค่อยราบรื่นนัก ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเขาก็จะถูกเพ่งเล็งอยู่ตลอด จะต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทุกครั้ง แต่ว่ามอยส์เองก็ต้องการเวลา ความอดทน และแรงสนับสนุน
และนี่ก็คือ 6 เหตุผลที่ว่าทำไมผู้จัดการทีมรายนี้ถึงสมควรได้รับแรงศรัทธาจากแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ว่าหนทางของเขาจะเจอกับอุปสรรคมากเพียงใดก็ตาม
การเดินไปข้างหน้าจำเป็นต้องใช้เวลา
นอกเหนือจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ของอาร์เซนอลแล้ว ก็มีเพียงแค่ อลัน พาร์ดิว เท่านั้นที่คุมทีมในระดับพรีเมียร์ ลีก ได้อย่างยืนยาวที่สุด โดยตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มาแล้ว 3 ปี
ทุกวันนี้ในวงการฟุตบอลมันเต็มไปด้วยประธานสโมสร และแฟนบอลที่ใจร้อนคาดหวังทุกอย่างสูงเกินไป และมันก็เร็วเกินไปด้วยสำหรับชายผู้ที่เพิ่งเข้ามาทำทีมได้ไม่นาน นั่นทำให้เราไม่ค่อยได้เห็นการนั่งเก้าอี้กุนซือกันอย่างยาวนานเหมือนกับเซอร์ อเล็กซ์ อีกแล้วในยุคนี้ นอกเหนือจากเวนเกอร์ที่อยู่กับทีมปืนใหญ่มานาน 17 ปี
มันง่ายมากหากคุณเอาแต่มองความสำเร็จที่เขานำความสำเร็จ 38 ถ้วยแชมป์มาให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็อย่าลืมว่าก่อนหน้านั้นมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย อันที่จริงเซอร์ อเล็กซ์ เองก็เคยเกือบจะตกงานด้วยเหมือนกัน ยังดีที่ว่าชัยชนะ 1-0 เหนือน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในลีก คัพ รอบสาม นัดรีเพลย์ ช่วยเซฟเก้าอี้เขาเอาไว้ได้ในปี 1990
ตลอดช่วง 3 ปีแรกในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้น เซอร์ อเล็กซ์ ก็ไร้ถ้วยแชมป์ใดๆ ติดมือ เช่นเดียวกับ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่ไม่ได้แชมป์รายการใดๆ เหมือนกันในช่วงที่เขาคุมทีม 3 ปีแรก และประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คงจะเปลี่ยนไป หากว่าตอนนั้นทางสโมสรไม่ให้เวลากับพวกเขา
การเซ็นสัญญานักเตะใหม่อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
ย้อนไปเมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม ในวันเปิดฤดูกาล อาร์เซนอลเองก็โดนโจมตีอย่างหนักเหมือนกันว่ากำลังเข้าขั้นวิกฤติ อาร์แซน เวนเกอร์ ถูกสื่อมวลชน และแฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากที่พ่ายต่อแอสตัน วิลล่า ไป 1-3 แต่หลังจากนั้นอีก 2 เดือนต่อมา อาร์เซนอลกลับกลายเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก พวกเขาไม่แพ้ใครเลยตลอด 11 เกมรวมทุกรายการ กระแสวิพากษ์วิจารณ์ทีผ่านมากลายเป็นเพียงลมปากเท่านั้น
สิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้กับสโมสรก็มาจากชายคนหนึ่ง นักเตะใหม่อย่าง เมซุต โอซิล นั่นเอง เขาย้ายเข้ามาในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมรที่ 42 ล้านปอนด์ นั่นทำให้ทุกคนเลิกสงสัยในตัวเวนเกอร์อีกต่อไป
ในกรณีของเดวิด มอยส์ บางทีมันอาจจะแตกต่างออกไปจากนี้ก็ได้หากว่าแผนการของเขาในช่วงซัมเมอร์เป็นจริงอย่างที่ตั้งใจ คิดดูว่าถ้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตัว เชส ฟาเบรกาส และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า เข้ามาร่วมทีม พวกเขาคงไม่อยู่แค่อันดับ 9 บนตารางหรอกจริงไหม?
ที่เอฟเวอร์ตันนั้น มอยส์ก็คอยมองหานักเตะหลายหลายสไตล์อยู่เสมอ ซึ่งเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามักจะซื้อตัวเข้ามาเล่นได้อย่างคุ้มค่า บางทีในอนาคตเขาอาจจะคว้าตัวนักเตะสักคนเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็ได้ แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้น เขาก็ต้องการให้คุณอดทนรอคอยไปก่อน
อย่าทำตัวเป็นแฟนบอลตัวปลอม
สำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกิดในช่วงปลายยุค 1980 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาจเป็นผู้จัดการทีมคนเดียวที่พวกเขารู้จัก และทุกคนก็คุ้นเคยกับความสำเร็จที่เขาทำได้มาโดยตลอด และด้วยความที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ตามคำกล่าวอ้างจาก โอเว่น กิ๊บสัน ของเดอะ การ์เดี้ยน มันจึงย่อมต้องมีกองเชียร์ที่แท้จริง กับกองเชียร์ตัวปลอมเข้ามาปะปนอยู่ด้วยเป็นเรื่องธรรมดา
การที่มอยส์พยายามทำทีมในแบบของเขาเองในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด กลับกลายเป็นว่าถูกคนนำไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จเก่าๆ อย่างเสียมิได้ ตอนนี้เราได้เห็นนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บางคนเล่นกันด้วยความเฉื่อยชาในฤดูกาลนี้ และผลการแข่งขันก็ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ตรงนี้สมควรที่จะต้องตำหนินักเตะด้วยเช่นกัน ไม่ใช่อะไรก็โทษมอยส์อย่างเดียว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองได้เลือกผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ทางสโมสรได้มอบสัญญาระยะยาว 6 ปีให้กับเขา เป็นการแสดงให้เห็นว่าทีมต้องการให้ผู้สืบทอดตำแหน่งของ เซอร์ อเล็กซ์ คุมทีมไปแบบยาวๆ
สำหรับแฟนปีศาจแดงตัวจริงก็ต้องให้การสนับสนุนมอยส์ต่อไปยาวๆ เช่นเดียวกัน
ใจเย็น และเดินหน้าต่อไป
ทุกอย่างในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด มันก็ยังไม่ได้ย่ำแย่ถึงขั้นเลวร้าย มันอาจจะเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดของสโมสรในรอบ 24 ปีหลัง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่น่าจะยอมรับได้ไม่ใช่เหรอ?
ก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาล 2013/14 ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นปีที่ไม่ง่ายเลย ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซีต่างก็เปลี่ยนผู้จัดการทีม ขณะที่ลิเวอร์พูล และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับอาร์เซนอลที่เริ่มมีการลงทุนซื้อตัวผู้เล่นกับเขาบ้างแล้ว
มันยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มองถึงตำแหน่งบนตารางคะแนน ยิ่งเป็นช่วงเบรคสัปดาห์ทีมชาติด้วยแล้ว อันดับก็จะคงอยู่จนกว่าพรีเมียร์ ลีก จะกลับมาเตะกันใหม่
อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กำลังควานหาจังหวะของพวกเขาอยู่ และมอยส์เองก็ได้บอกกับนักข่าวเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องวิตกกังวลใดๆ
“ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นสถานการณ์ที่เราจะผ่านไปไม่ได้ เราจะกลับมาอยู่ในเส้นทาง และคืนฟอร์มได้แน่นอน เรามีผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังในเกมกับเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน รวมถึงเล่นได้อย่างย่ำแย่ในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดังนั้นเราจะทำทุกอย่างให้มันกลับมาอยู่ถูกที่ถูกทาง มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่ทุกคนพูดกันหรอก” มอยส์กล่าว
“อันดับบนตารางคะแนนของเราอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจะเป็น แต่ตอนนี้ก็ต้องรอกันไปก่อน มาดูกันว่าสุดท้ายเมื่อจบฤดูกาลแล้วเราจะอยู่ที่อันดับไหน”
ตัวเลือกที่เหมาะสม
หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศรีไทร์ แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้มองไปยังกุนซือชาวสก็อตอีกคนเลย แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงแล้ว มอยส์จะมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะมารับงานนี้ก็ตาม
ผู้จัดการทีมวัย 50 ปีคุมทีมเอฟเวอร์ตันมานาน 11 ปี และเขาก็ทำทีมได้ดีด้วยงบประมาณที่จำกัด เขาซื้อนักเตะอย่าง มิเกล อาร์เตต้า, มารูยาน เฟลไลนี่, สตีเว่น พีนาร์, ทิม เคฮิลล์, เลห์ตัน เบนส์, ฟิล จากีลก้า, ฟิล เนวิลล์ และ เชมัส โคลแมน เข้ามา
นอกจากนี้เขายังสร้างนักเตะเยาวชนอย่าง เวย์น รูนี่ย์ และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ด้วยการมอบโอกาสประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ให้กับทั้งคู่ด้วย ตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นบ้างแล้วที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด นั่นก็คือ แอดนาน ยานูซาย นั่นเอง
มอยส์อาจจะไร้ถ้วยแชมป์ใดๆ ติดมือมาจากกูดิสัน พาร์ค แต่เขาก็เป็นที่ยกย่องในความจงรักภักดีต่อทีม การบริหารทีม และความสามารถในการดึงศักยภาพของนักเตะในทีม
เขาพาทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ในปี 2005, นัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ปี 2009 และได้เตะในยูฟ่า คัพ (ตอนนี้ก็คือยูโรป้า ลีก) มาแล้ว 3 สมัย แถมยังทำทีมติดท็อป 6 ได้ถึง 5 ครั้งจากช่วงเวลา 11 ปีที่เขาคุมทีม
ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งกับเอฟเวอร์ตันนั้น มอยส์เคยพาทีมเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ เลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 มาแล้ว โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นหลังจากที่เข้ามาคุมทีม ทั้งที่นั่นเป็นครั้งแรกที่เขารับบทบาทเป็นผู้จัดการทีมเลยด้วยซ้ำ
มอยส์ทราบดีว่าเขาจำเป็นจะต้องปรับตัวในแง่ของแท็คติค เมื่อเขาก้าวออกมาจากสโมสรเล็กๆ ที่มีเป้าหมายเพียงแค่ติดท็อป 6 มาคุมทีมใหญ่ที่มีเป้าหมายต้องคว้าแชมป์ให้ได้ทุกฤดูกาล
ตอนที่เขาคุมทีมเอฟเวอร์ตันครบ 10 ปี ผู้จัดการทีมหลายคนในลีกสูงสุดก็ออกมากล่าวคำยกย่องเขา โดย อาร์แซน เวนเกอร์ ได้บอกกับ Evertonfc.com เอาไว้ว่า “สำหรับผมแล้ว เขาได้ทำงานเอาไว้ที่นั่นอย่างยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำงานให้กับสักที่ได้เกิน 10 ปี เราก็สมควรที่จะให้เครดิตเขา ซึ่งเขาก็ทำงานอย่างสุดความสามารถมาโดยตลอด งานของเราเป็นงานที่จะต้องทุ่มอย่างสุดตัว ดังนั้นเมื่อใครบางคนอยู่กับสโมสรครบ 10 ปี และทำผลงานได้เหมือนกับที่มอยส์ทำ เขาก็สมควรที่จะได้รับเครดิตอย่างสูง”
เซอร์ อเล็กซ์ พูดถูกเสมอ
สุดท้ายนี้ก็คือสิ่งที่ เซอร์ อเล็กซ์ ได้พูดเอาไว้ด้วยตัวของเขาเอง
“ผมอยากจะย้ำเตือนคุณหน่อยว่าในเวลาที่เราต้องเจอกับอะไรแย่ๆ สโมสรก็ยังหนุนหลังผม ทีมสต๊าฟฟ์ยังหนุนหลังผม และนักเตะทุกคนก็ยังหนุนหลังผม”
“งานของพวกคุณตอนนี้ก็คือคอยหนุนหลังผู้จัดการทีมคนใหม่ของเรา นี่คือสิ่งที่สำคัญมาก”
SiR KeaNo

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts